เมื่อพูดถึงการซื้อเครดิตทางสิ่งแวดล้อม เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เราสร้าง ทั้งในฐานะที่เราเป็นองค์กรหรือบุคคล หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ Carbon Credit กันมาบ้าง แต่ทราบไหมว่า ใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate) หรือที่เรียกว่า REC นั้นก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
Carbon Credit เกิดจากการทำโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases: GHG) ไม่ว่าจะเป็นการดูดออกจากชั้นบรรยากาศ เช่น ปลูกป่า ใช้เครื่องดักจับคาร์บอน หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ต่ำกว่าเส้นฐาน (Baseline Emission) ที่องค์กรเราจะปล่อยได้หากดำเนินการตามปกติโดยไม่มีความพยายามในการลด (Business As Usual) ตัวอย่างการลดให้ต่ำกว่าเส้นฐาน เช่น เปลี่ยนเครื่องจักรให้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลง เปลี่ยนยานพาหนะที่ใช้น้ำมันไปใช้ไฟฟ้าแทน ซึ่งการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่านั้น จะสามารถยื่นขอกับหน่วยงานที่ให้การรับรองได้ 1 Carbon Credit
ในขณะที่ 1 REC เป็นใบรับรองสำหรับการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด 1 MWh เช่น ไฟฟ้าที่ผลิตจากกังหันลม โซลาร์เซลล์ เขื่อน เป็นต้น การขาย REC แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ Bundled กับ Unbundled REC โดยแบบ Bundled REC นั้นผู้ซื้อจะได้รับไฟฟ้าพลังงานสะอาดหรือก็คือไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy: RE) พร้อมกับ REC ที่ผู้ผลิตขอออกใบรับรองจากการผลิตไฟฟ้านั้นด้วย แต่หากซื้อ Unbundled REC ก็จะได้รับเพียง REC ซึ่งในขณะนี้ประเทศไทยจะมีเพียงแบบหลังเท่านั้น
การนับ Scope 1,2,3 เกิดขึ้นในปี 2001 โดย GHG Protocol ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงหากำไร จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะมาตรฐานการจัดทำรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นที่นิยมใช้มากที่สุดในโลก เพื่อให้องค์กรสามารถจำแนกและจัดการ GHG Emission ของตนได้ง่ายขึ้น หากสมมติว่าเราเป็นเจ้าของโรงงานผลิตปลากระป๋อง จะสามารถยกตัวอย่างได้ดังนี้
การจะเลือกซื้อระหว่าง Carbon Credit หรือ REC เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรนั้น ขึ้นอยู่กับเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร
หากต้องการเป็น Carbon Neutrality องค์กรควรพิจารณาซื้อ Carbon Credit ซึ่งสามารถนำมาชดเชยการปล่อยก๊าซฯใน Scope ใดก็ได้
หากต้องการบรรลุเป้าหมาย RE100 องค์กรควรพิจารณาซื้อ REC เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซฯทางอ้อมที่เกิดจากการใช้พลังงาน ทั้งนี้การจัดทำบัญชีการปล่อยก๊าซฯตาม Scope 1, 2 , 3 นั้น องค์กรไม่สามารถนำ REC มาลดการปล่อยก๊าซฯตาม Scope 2 ได้โดยตรง
การซื้อ Carbon Credit ถึงแม้จะสามารถชดเชยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อนอย่างแท้จริง เนื่องจากก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากยังคงถูกปล่อยจากกิจกรรมของมนุษย์อยู่เรื่อยๆ และสะสมอยู่บนชั้นบรรยากาศได้นานกว่า 200 ปี ทางแก้ที่ตรงจุดคือลดการปล่อยฯตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะด้วยการใช้พลังงานสะอาด ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์และเครื่องจักร และเพิ่มการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกออกจากชั้นบรรยากาศ ถึงจะเป็นการเกาให้ถูกที่คัน
CEO ของ Blockfint ซึ่งเคยทำงานร่วมกับบริษัทสตาร์ทอัพหลายแห่งใน Silicon Valley มานานกว่า 20 ปี